Date: February 25, 2016
Author: Grip Thailand
มีคนถาม นิตโตะซัง นอกรอบมาบ่อยๆ เหมือนคุ้นๆ ว่ามีการกำหนดค่าความเข้มของฟิล์มติดรถยนต์โดยเฉพาะกระจกด้านหน้า แต่ทุกวันนี้เห็นรถติดฟิล์มทั้งด้านหน้า ด้านข้างและด้านหลังดำมืดหมดทั้งคันไม่สามารถมองเห็นในรถ ซึ่งอาจทำให้เกิดอันตรายเวลาขับในช่วงกลางคืน หรือถ้าคนร้ายเอารถฟิล์มมืดไปก่ออาชญากรรม กล้องวงจรปิดก็ไม่สามารถจับภาพคนขับได้ ถ้ามีการจี้หรือทำเรื่องไม่ดีในรถหรือเกิดอะไรขึ้นกับคนในรถก็ไม่สามารถเห็นหรือช่วยเหลือได้
ตอบอย่างงี้ครับ บ้านเราเคยมีกฎหมายควบคุมความเข้มฟิล์มกรองแสง ต่อมาการประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อ 1 พฤษภาคม 2544 ก็ได้ยกเลิกกฎหมายที่ว่า ซึ่งเป็นร่างกฎกระทรวง ออกตามความใน พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ. 2522 เพราะมันหยุมหยิมจุกจิก อย่างการกำหนดค่าของแสงเมื่อวัดผ่านกระจกและฟิล์มกรองแสงรวมกันแสงต้องผ่านได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 เพื่อเป็นการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุและอาชญากรรม ซึ่งการกำหนดไม่ได้ศึกษาวิจัยค่าความเข้มของแสงที่เหมาะสมว่าควรเท่าใด และจากสถิติการเกิดอุบัติเหตุหรืออาชญากรรม ก็ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนว่ามีสาเหตุจากรถที่ติดฟิล์มทึบแค่ไหน เพียงใด
ความไม่พร้อมในการปฏิบัติ เครื่องมือตรวจวัด ตอนนั้นยังมีไม่พอ เกิดข้อโต้แย้งระหว่างเจ้าหน้าที่กับเจ้าของรถ การจัดตั้งสถานตรวจสภาพรถเอกชน เพื่อตรวจสภาพรถที่อายุใช้งานเกิน 7 ปีขึ้นไป ตอนนั้นมีแค่ 23 จังหวัด เกิดปัญหาการปฏิบัติในการตรวจวัดฟิล์มกับรถเกิน 7 ปี
ถ้าบังคับใช้ตามกฎหมายนี้ มีรถต้องเปลี่ยนฟิล์มเป็นล้านคัน ฟิล์มกรองแสงเป็นสินค้านำเข้า ต้องเสียเงินเป็นหมื่นล้าน เสียดุลการค้าเพิ่มอีก
กฎหมายนี้ก็เลยต้องม้วนเสื่อปิดฉากไปในเวลาแค่ปีนิดๆ ตอนนี้เข้มเท่าไหร่ ตำรวจก็ไม่จับครับ