Date: February 25, 2016
Author: Grip Thailand
เนื่องจากบ้านเราสภาพอากาศร้อน และแดดแรง การจอดรถตากแดดนานๆ ซึ่งหลายคนมักเลี่ยง ไม่ค่อยได้ เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เนื้อยางของใบปัดน้ำฝนแข็งจนขาดความยืดหยุ่น ไม่สอดรับ กับความโค้งของกระจก เจออย่างนี้ควรเปลี่ยนใหม่ทันที แต่การตรวจสภาพยางใบปัดน้ำฝนไม่ใช่ดูที่เนื้อยางว่ายังไม่แข็งกรอบ หรือฉีกขาดเพียงอย่างเดียว ต้องดูที่ความสามารถในการกวาดน้ำที่ผิวกระจกว่าเกลี้ยงหรือเปล่า
ถ้าลองเอายางใบปัดน้ำฝนมาส่องดูด้วยแว่นขยาย จะเห็นว่า “คม” ของมันมีลักษณะเป็นมุมฉาก แต่ละมุมจะทำหน้าที่กวาดน้ำทางหนึ่งโดยเฉพาะ เพราะขณะทำงาน ยางปัดน้ำฝนจะลู่เอนเล็กน้อย มุมฉากนี้จะมีรูปทรงพิเศษเฉพาะ ซึ่งได้จากการวิจัยทดสอบกันมาหลายสิบปี ว่ากวาดน้ำได้เกลี้ยง ไม่ส่งเสียงดัง และมีอายุใช้งานนานเพียงพอด้วย ถ้ารูปทรงนี้ผิดเพี้ยนไปเพราะความสึกหรอ แม้จะใช้งานอย่างถูกวิธีก็ตาม มันก็จะกวาดน้ำได้ไม่หมด และไม่จำเป็นต้องสึกพร้อมกันในอัตราเท่ากันด้วย
เราถึงพบอยู่บ่อยๆ ครับว่า มันจะกวาดน้ำในทิศทางหนึ่ง “แย่” กว่าอีกทิศหนึ่ง เมื่อไหร่ที่ยางปัดน้ำฝนกวาดน้ำจากผิวกระจกได้ไม่เกลี้ยง รีบเปลี่ยนใหม่ทันที ส่วนใหญ่มีขายเป็นใบสำเร็จรูป คือมีโครงโลหะมาให้เสร็จ ส่วนแบบที่แกะเปลี่ยนเฉพาะเส้นยางนั้นยุ่งยากหน่อยแต่ก็ใช้ได้ และต้องใช้ฝีมือเชิงช่างพอสมควร ราคาก็ไม่แพง ถ้าหาซื้อมาเปลี่ยนเองก็ประมาณใบละร้อยกว่าบาทสำหรับรถทั่วๆ ไป
ส่วนรถราคาแพงที่มีรูปแบบใบปัดน้ำฝนค่อนข้างพิเศษหายาก ราคาอาจจะสูงไปถึงใบละเกินหนึ่งพันบาทก็ได้ สำหรับผู้ที่ยังไม่มีความเชื่อมั่นในการตรวจสอบหรือตัดสินใจ มีวิธีง่ายๆ ครับคือเปลี่ยนใหม่ปีละชุดทุกต้นฤดูฝน ไม่ต้องกลัวว่าจะบ่อยไปหรือสิ้นเปลือง เพราะอายุของมันก็อยู่ในช่วงประมาณที่ว่านี้ นี่หมายถึงใช้งานมันอย่างถูกต้องแล้วนะครับ ถ้าใช้ผิดวิธีวันเดียวก็พังแล้ว