Date: February 25, 2016
Author: Grip Thailand
มีผู้ใช้รถยามฝนตกซึ่งมีพฤติกรรมต่างกันอยู่สองพวก พวกแรกเป็นพวกที่กลัวถนนลื่น ลดความเร็วลง และตั้งใจขับ ที่จริงแล้วผิวถนนที่ฝนตกหนักนั้น สะอาดมากครับและไม่ลื่นเลย แต่การลดความเร็วลงเพราะกลัวความลื่นนั้น ผมถือว่าได้ความปลอดภัยเป็นผลพลอยได้ จึงเห็นด้วยและคิดว่าคงสภาพนี้ไว้ดีแล้ว เพราะมีองค์ประกอบอื่นที่ทำให้เกิดอันตรายร้ายแรงได้อีกมาก
ส่วนพวกที่สองเป็นพวกที่ไม่กลัวความลื่นของผิวถนน โดยรู้จากประสบการณ์ว่ามันไม่ลื่น เพราะผิวถนนไม่เป็นมัน และถูกฝนชะจนสะอาดแล้วด้วย จึงขับกันด้วยความเร็วสูงพอสมควร เช่น 140 ถึง 160 กม./ชม. โดยไม่รู้จักอันตรายจากการเหินน้ำหรือ ไฮโดรแพลนนิง (Hydroplaning) นี้
ถ้าเป็นคนช่างสังเกตและละเอียดอ่อนพอจะทราบได้ทันทีว่าล้อหน้าข้างใดข้างหนึ่งเหินน้ำเพราะความรู้ สึกนี้จะส่งผ่านทางพวงมาลัยถึงมือของเรา
ถ้าอย่างนั้นอันตรายของการเหินน้ำอยู่ตรงไหน ?
ก็เมื่อล้อทั้งสี่เหินน้ำนั่นแหละครับ เช่นขับมาอย่างเร็ว แล้วเจอแอ่งน้ำลึกกว้างกว่า ความกว้างของตัวรถ เกือบทุกครั้งที่เราใช้ทางเส้นทางขณะฝนตกหนัก เชื่อว่าก็ยังเห็นรถที่วิ่งด้วยความเร็วสูงมากอยู่ และจำนวนไม่น้อยเป็นรถราคาไม่สูง ขนาดเล็ก น้ำหนักเบา (น้ำหนักของรถมีผลโดยตรงต่อความสามารถในการรีดน้ำครับ รถสิบล้อบรรทุกสินค้าไม่ค่อยกลัวปัญหานี้) และไม่แน่ใจว่าใช้ยางที่มีประสิทธิภาพสูงอย่าง Nitto บ้างหรือเปล่า อิอิ
ต้องระวังกันนะครับ ไม่อย่างนั้นก็คงได้แต่หวังว่าจะรอดชีวิตกันไปได้จากการที่ล้อบางล้อผลัดกันเหินน้ำครับ